วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559

แหล่งข้อมูลอ้างอิง


แหล่งข้อมูลอ้างอิงของหนังสือ



ขอขอบคุณหนังสือ ขนมหวานไทย
วันชัย อิงปัญจลาภ, ขนมไทย, พิมพ์ครั้งที่2, กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช, 2539 






ขอขอบคุณหนังสือ เข้าใจเพชรบุรี
ศิลปากร, กรม อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศีรี, กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, 2532


ขอขอบคุณเว็บไซด์อ้างอิง
ขนมมงคล 9 อย่าง
ประวัติของขนมไทย





ขอขอบคุณหนังสือ ขนมหวานทำขาย
วัลยา ภู่ภิญโญ, ขนมหวาน, พิมพ์ครั้งแรก,เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200


ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลทุกสำนักพิมพ์ ที่มาเป็นแหล่งข้อมูลอ้างอิงในบล็อคนี้ ขอกราบขอบคุณจากใจจริง


รูปภาพของขนมไทย













สูตรขนมหวานไทย

สูตรขนมอาลัว





วัตถุดิป
1.แป้งสาลี 1 1/4 ถ้วย
2.น้ำตาลทราย 2 1/4 ถ้วย
3.น้ำกะทิ 2 1/2 ถ้วย
4.สีผสมอาหาร
5.เทียนอบขนม

วิธีการทำ
1. ร่อนแป้งสาลีกับน้ำตาลทรายเข้าด้วยกัน
2. ค่อยๆเติมน้ำกะทิลงไปทีละน้อย สลับกับการนวดแป้งไปด้วย จนกว่าจะเทน้ำกะทิลงไปหมด
3. กรองส่วนผสมด้วยผ้าขาวบาง หรืแกระชอนตาถี่
4. เทส่วนผสมลงกระทะทองเหลืองแล้วนำตั้งไฟระดับกลาง กวนไปเรื่อยๆเร็วๆ ไปในทางเดียวกัน
5. พอแป้งเป็นสีใส แบ่งแป้งครึ่งหนึ่งออกมาพักไว้ ใส่สีผสมอาหารในกระทะทองเหลืองกวนให้เข้ากัน ปิดไฟพักไว้
6. นำแป้งส่วนแรกที่พักไว้แล้ว ใส่ถุงบีบ แล้วบีบใส่ถาด ทำเช่นเดียวกันกับส่วนผสมทั้ง 2 สี แล้วนำไปผึ่งแดดให้ข้างนอกแข็ง
7. ขั้นตอนสุดม้ายเพื่อความหอมของขนมไทย เอาไปอบควันเทียน โดยเอาขนมใส่ภาชนะกระเบื้องหรือพวกหม้อเคลือบ เรียงให้เป็นระเบียบ ไม่ต้องแน่นมาก จุดเทียนอบขนมแล้วเป่าดับใส่ในภาชนะ อบไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง





สูตรขนมวุ้นสังขยา






วัตถุดิป
1.วุ้นผง 10 กรัม

2.น้ำลอยดอกมะลิ 450 กรัม
3.น้ำตาลทราย 150 กรัม
4.หัวกะทิ 100 กรัม
5.ไข่ไก่ 2 ฟอง* หัวกะทิ 100 กรัม
6.ใบเตย
วิธิการทำ
1. ผสมหัวกะทิกับน้ำตาลและไข่ไก่ โดยใช้ใบเตยขยำให้ส่วนผสมเข้ากัน และน้ำตาลละลาย จากนั้นนำไป กรองด้วยผ้าขาวบางเพื่อเอาสิ่งสกปรกออก
2. ตั้งกระทะทองเหลืองบนไฟอ่อนๆ ใส่น้ำลอยดอกมะลิและวุ้นผงลงไป คนจนละลายเข้ากันดี จากนั้นจึง ใส่ส่วนผสมไข่กะทิ (ที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 1 ลงไป) เร่งไฟให้แรงขึ้น รอจนส่วนผสมเดือด คนส่วนผสม ต่อเนื่องจนวุ้นมีลักษณะเหนียวเป็นยางมะตูม จึงปิดไฟ
3. เทส่วนผสมวุ้นสังขยาลงในแบบหรือพิมพ์ที่เตรียมไว้ ทิ้งไว้ให้หายร้อนสักพัก จึงใส่ตู้เย็น
4. เคาะวุ้นออกจากแบบ จัดใส่จานเสริฟ พร้อมรับประทานได้ทันที (ถ้ายังไม่รับประทาน ควรเก็บ ไว้ในตู้เย็นก่อน)


ตลาดขนมค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ คือ ตลาดขนมวัดชัยฉิมพลี (ตลาดมืด)

ตลาดขนมค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ คือ ตลาดขนมวัดชัยฉิมพลี (ตลาดมืด)

      เป็นตลาดขนมค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดมีแม่ค้าพ่อค้ามากมายจากทั่วทุกจังหวัดมาเอาขนมที่ตลาดแห่งนี้เพราะฉนั้นตลาดแห่งนี้จึงเป็นศูยน์รวมของขนมนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น ขนมปัง เค้กต่างๆ วุ้นน้ำหวาน วุ้นกะทิ ขนมไทยโบราณ เช่น ขนมกล้วยฟังทอง ขนมตาล ขนมมัน ขนมทั้วจีน ลูกชุป หรือว่าจะเป็นจำพวกเครื่องทองทั้งหลายก็มี เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน ทองเอก จ๋ามงกุฎเป็นต้น นี้ยังไม่หมดแค่นี้ยังมีขนมที่เป็นของแห่งอีก เช่น ขนมขาไก่ ข้าวข้าวตัง ขนมปังปีบ หรือว่าจะเป็นพวกเครื่องน้ำแข็งใส่ก็มีเช่น ซ่าหริ่ม ทับทิมกรอบ เฉาก๊วย และข้าวต้มน้ำวุ้น ทั้งหมดที่พูดมานี้ยังไม่ได้ถึงครึ่งของตลาดแห่งนี้และอย่าคิดว่าราคาแพงเพราะที่นี้เป็นตลาดค้าส่งจึงมีราค่าเริ่มต้นที่ชิ้นละ 8-9.50 บาทเท่านั้น แต่มีข้อแม้ว่าต้องซื้อ 5-10 ชิ้นเป็นอย่างต่ำแล้วแต่ร้านเขาจะระบุไว้ ตลาดแห่งนี้จะเริ่มเปิดให้ผู้ซื้อเข้าเวลา 21.45 และถ้ามาหลัง 23.50 ก็จะมีขนมน้อยมากเพราะเป็นตลาดค้าส่งจึงเปิดและปิดไว้ เปิดขายทุกวันแต่ถ้าเป็นวันเสาร์ขนมจะน้อยเพราะแม่ค้าส่วนมากจะหยุดขายแต่ที่แน่นอนตลาดแห่งนี้เขามีกฏระเบียบอย่างมาก เพราะลูกค้าที่มาซื้อต้องเข้าแถวและจอดรถในที่ๆทางตลาดจัดไว้และห้ามผู้ขายขนมเข้าก่อนเวลาเพราะทางตลาดต้องกฎไว้ว่าเข้าพร้อมกันขายพร้อมกันใครที่ทำผิดกฎก็จะต้องโดนหยุดการขายและผู้ซื้อที่ตลาดแห่งนี้ก็จะมีเจ้าประจำที่มารับของไปขายจึงทำให้ตลาดแห่งนี้มีการส่งขนมให้ถึงท้ายรถผู้ซื้อเพียงแค่บอกหมายเลขทะเทียบรถและสถานที่จอด

วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2559

วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2559

แนะนำตัวเอง




สวัสดีค่ะ...ชื่อ : นางสาวศิริลักษณ์  พิมศรี
ชื่อเล่น : เก๋
เกิดวันที่ : 3 เดือน ตุลาคม พศ. 2539
จบจากโรงเรียน : พระหฤทัยดอนเมือง
นิสัย : เป็นคนตลก ไม่ชอบเที่ยวกลางคืน รักความสบาย
งานอดิเรก : ขายเครปญี่ปุ่น ฟังเพลง
จุดประสงค์ : อยากให้รู้จักตลาดขนมหวานกันให้มากกว่านี้ เป็นตลาดค้าขนมหวานที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ตลาดขนมวัดชัยฉิมพลี(ตลาดมืด)